วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิธีการเขียน E-mail ทีั่ถูกวิธี(หรือเปล่านะ?)

สวัสดีค่าาา

มาเจอกันอีกแล้วว

จากปกติที่เอาบทความข่าวต่างๆมาแปะพร้อมยก コロケーション ต่างๆมาทีละตัวเพื่อเป็นการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ 

วันนี้เราจะเปลี่ยนแปลกรูปแบบโดยจะเอาเมลที่ร่างขึ้นมาตอนติดต่อกับคนญี่ปุ่นมาแปะและลิสต์คำศัพท์ทีละคำค่า ถือเป็นการลองดูว่าเมลที่เคยเขียนไปเนี่ยเป็นยังไงบ้าง

เริ่มจา่กเมลฉบับแรกสุด แนะนำตัวก่อนค่ะ
ได้ใช้ความรู้จากการทำ Task เต็มที่เลยย หุหุ

こんにちは。
突然のメールを、本当に申し訳ありません。<<< ต้องไม่ลืมบอกนะว่า "ขออภัยที่จู่ๆก็ส่งเมลมา" เดี๋ยวเค้าต๊กใจหมดดด
今回のタイ旅行をご案内させていただく、OOとOOと申します
OOOO先生からOOOOさんのメールを教えていただきました
どうぞ、よろしくお願いいたします

旅行案内のことなんですが、ご予定はどのようになっているのでしょうか。
お決まりになったら、ご予定を送っていただければなと思っておりますが。
そして、大変失礼だと思っておりますが、日給のことなんですけれども、
メールで教えていただけるとありがたいです。
 เรื่องคำยกย่องถ่อมตัวเนี่ย จำได้ว่าระวังเป็นพิเศษเลยค่ะ ไม่รู้ว่าใช้ถูกต้องทั้งหมดหรือเปล่านะ แต่ว่าสุดความสามารถแล้วจริงๆค่ะ >______<
お返事を急ぎではないですが、よろしくお願いいたします。
 เพื่อเป็นการไม่เสียมารยาท ควรจะลงท้ายด้วยว่า ไม่ต้องรีบตอบเราก็ได้นะ จะได้ไม่เป็นการเร่งๆอีกฝ่ายค่าา เสียมารยาทท ไม่ดีๆ
OO・OO (ลงชื่อ+ตำแหน่ง)
チュラーロンコーン大学文学部東洋言語学科日本語講座3年生

อันนี้คือรูปแบบเมลฉบับแรกที่ส่งไปค่ะ
ต่อไปที่ส่งไปก็เป็นการพูดคุยรายละเอียดค่ะ
OO様 <<< ใช้ 様 เพื่อเป็นการให้เกียรติน๊า

お返事を遅らせてしまい、誠にすみませんでした。
メールを、ありがとうございます。

ประโยคบังคับเลยยย จำเป็นมากกก ต่อให้เราจะตอบเมลช้าไปแค่ครึ่งวันก็ตามแต่คิดว่าควรจะต้องเขียนไว้เนอะ อย่างน้อยก็เขียนๆไปเถอะ 

タイにいらっしゃる間の予定の件なんですが、
もし、私たちでよければ、行きたいところを教えていただければ、
予定をたててみて、送らせていただきたいと思っております。
しかし、二人で相談し合ったところ、海などにお供するのには少し厳しいなのかもしれませんので、よろしければ、バンコク内でだけ案内させていただけませんでしょうか。
本当に申し訳ありません

2人でするかどうかについてですが、日本語講座のOOOO先生からお話をいただいた時は、女性希望ですが、2人でも可能と伺ったので、そういうつもりでメールを書かせていただきました。お金のこりも、実は2人のほうが動きやすいと思ったからです。タイは場所によっては危ないところがあり、女性一人ですと対応しきれない場合があるのではないかと心配しています。できれば2人でお願いしいと思います。お礼については、一人分でもかまいません。よろしくお願いいたします。

お礼のことなんですが、2人で相談しあったんですが、このようなアルバイトをさせていただいたことが、何回かありますが、たいてい9時から3時までの6時間なんですが、3000バーツぐらいいただいております。

大学の方は3月7日に期末試験が終了しますので、大丈夫です。

もし、よければ、OOOOさんのご希望な時間を教えていただけないんでしょうか
出来る限り、OOOOさんに合わせるようにします。

อันนี้ก็เรื่องการใช้คำสุภาพเหมือนเดิมค่ะ ยากกว่าการใช้ภาษาปกติมากจริงๆนะ TT_________TT
いかがでしょうか。ご意見を、出来れば、お願いしたいと思っております~。

ご検討をお願い致します。<<< ตอนนั้นที่รู้สึกว่าจำเป็นเพราะเราต้องถามความคิดเห็นเค้า เลยคิดว่าควรจะใส่อะไรที่มากกว่า よろしくお願いいたします。สุดท้ายแล้วเลยลองลงท้ายอย่างนี้ค่ัะ พอได้มั้ยนะ?

OO・OO
チュラーロンコーン大学文学部東洋言語学科日本語講座3年生

่แล้วหลังจากที่เค้าตอบเมลเรามา เราก็เขียนฉบับที่ 3 ตอบกลับไป ตามนี้เลยค่ะ

OOOO様

お返事ありがとうございます。<<<เกริ่นก่อนเข้าเรื่องค่า หรือถ้าส่งเมลช้าก็เกริ่นแบบเมลฉบับที่แล้วน๊า พอดีว่าอันนี้ได้รับแล้วตอบกลับทันที(มั้ง?)เลยไม่ได้ใส่ไปค่ะ

ご理解くださいまして、本当にありがとうございます。
二人で精一杯頑張っていきたいと思っております。

バンコクの見学プランのことなんですが、有名なお寺や、お勧めのとこなどは紹介することができますが、大学と交流することは難しいことだと思います。3月から5月まではタイの夏休みなのです。ですので、交流とかは難しいんですけども、塾センターにはお連れすることは出来ます。

一応、簡単にプランを立ててみました。

(略) 
ย่อส่วนที่เป็นตารางเที่ยวไปค่ะ ไม่เกี่ยวๆ

このようなプランでいかがでしょうか
ご希望の場所があれば、ぜひ教えてください。プランを変更することが出来ます。

(略)
ย่อส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเที่ยวค่ะ ไม่เกี่ยวๆ

それから、FACEBOOKを登録させていただきました。FACEBOOKの名前は下に書いておきます。。

(略)ตรงนี้บอกเฟสบุ๊คค่ะ ไม่เกี่ยวอีกเช่นเคยยย

ご質問があれば、ぜひお聞きください。FACEBOOKでもメールでも構いません。

では、お会いしましょう。

OO・OO


จริงๆแล้วอยากได้รับคอมเม้นต์จากใครสักคนเหมือนกันนะ?
ถ้ามีใครมาอ่านแล้วเห็นว่ามันควรจะปรับเปลี่ยน หรือเห็นว่าตรงไหนไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสมรบกวนคอมเม้นต์ไว้ด้วยน๊าา จะมาอ่าน จะมาเรียนรู้เพิ่มค่าา ขอบคุณค่าา
พอมาดูๆแล้ว...ไ่ม่ได้มีการใช้ コロケーション แปลกๆเลยอ่าาา ฮืออออ
จะทำตาม 目標 ก็ยากจังเลยยย คิดว่าน่าจะมีได้ใช้อยู่บ้างแต่ว่าใช้ตอนพูดอ่ะสิ ใส่ยังไงดี...หนูลืมอ่ะ แง๊

เอาเป็นว่าวันนี้มาเสนอการเขียนอีเมลติดต่องานกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก่อนแล้วกัน...
หากใครมีข้อติชมอะไรยังไง เม้นต์ไว้บอกด้วยน๊าาา ขอบคุณมากค่าาาา


วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

สวัสดีค่าาาา วันนี้เรามาเจอกันดึกมากกกกกกกก (ว่าจะอัพแล้วไม่ได้อัพสักที 5555)

บทความที่จะมาแบ่งปันทุกคนในวันนี้เป็นบทความที่อ่านและแปลเพื่อทำงาน Jap Read ส่งค่า

คิดว่าทุกคนคงคุ้นๆเนอะ??

เอาล่ะ อย่าเกริ่นเยอะ มาเริ่มกันเลยดีกว่าา

^_______^

ปล. มือใหม่ หากมีข้อผิดพลาดใดๆขออภัยมา ณ ที่นี้น๊าาา


さとり世代

 堅実で高望みをしない、現代の若者気質を表す言葉。インターネットの掲示板「2ちゃんねる」で生まれ、広まった。1980年代半ば以降に生まれ、主に200210年度の学習指導要領に基づく「ゆとり教育」を受けた世代に当たる

  • 高望みをしない= 高い+望み(N) + する(V)=ไม่หวังสูง
  • 気質を表す  = 気質(きしつ)(N) + 表す(V) =แสดงอารมณ์(จิตใจ)
    ** 気質 อ่านได้ 2 แบบนะคะ ที่สำคัญคือ...ความหมายมันไม่เหมือนกันค่ะ!!! 
    →気質(きしつ)
    อารมณ์ จิตใจ ลักษณะนิสัย ทัศนคติ
    →気質(かたぎ)
    ธรรมชาติอันเป็นลักษณะเฉพาะของคนแต่ละยุค แต่ละสาขาอาชีพ หรือแต่ละชั้นวรรณะ
  • 世代に当たる=世代(N) + 当たる(V)=ตรงกับ(เท่ากับ)ยุค...


 
 具体的な特徴として、「車やブランド品に興味がない」「欲がなく、ほどほどで満足する」「恋愛に淡泊」「海外旅行に関心が薄く、休日を自宅やその周辺で過ごすことを好む」「節約志向で無駄遣いしないが、趣味にはお金を惜しまない」「様々な局面に合わせて友達を選び、気の合わない人とは付き合わない」などが挙げられる。
  • 車やブランド品に興味がない =OO(N)++興味がない=ไม่สนใจOO
  • 欲がない =OO +  + ない/ありません = ไม่มีOO
  • 恋愛に淡泊 =恋愛(N) +  + 淡泊(ADJ) =ไม่ยึดติดกับเรื่องความรัก
    淡泊=1. จืด ไม่มีรสชาติ 2.นิสัยง่ายๆ ไม่ยึดติดกับเรื่องใดๆ
  • 関心が薄く = 関心 +  + 薄い/強い
  • 自宅やその周辺で過ごす =OO (Nสถานที่) + 過ごす =อาศัยอยู่ที่OO
  • 過ごすことを好む = OO(V) + こと +  + 好む(V) =ชอบการOO(V)
    過ごすことを好き= OO(V) + こと +  + 好き(ADJ) =ชอบการOO(V)
  • 無駄遣いしない→ที่ใช้ เพื่อเป็นการเน้นย้ำนะคะ
  • お金を惜しまない =お金(N) + を + 惜しまない=ไม่เสียดายเงิน(N)
    *惜しむ(おしむ)=
    เสียดาย
  • 局面に合わせる =OO(N) + に + 合わせる =ปรับเข้ากับOO
    *
    局面(きゃくめん)=ด้าน,แง่,สถานการณ์
    *合わせる =
    รวม(ให้เข้ากัน,เป็นหนึ่ง),ประสาน,ปรับ,ตั้ง,ให้เข้ากัน,เทียบ
  • 気の合わない人とは付き合わない =OO(Nคน) + と + 付き合わない =ไม่คบ(เป็นเพื่อน)กับOO
    * 付き合う→
    คำนี้ไม่ได้หมายถึงคบเป็นแฟนเท่านั้น จะเป็นเพื่อน เพื่อนเดินทาง บลาๆๆได้หมดค่ะ

 この世代は、高度成長期後のモノが十分に行き渡っていた時代に生まれ、物心ついたときにはバブルが崩壊し、不況しか知らない。一方で、情報通信技術の進歩と共に、当たり前のようにインターネットに触れてきた。このように成熟した時代に多くのネット情報に触れる中で、彼らは現実的な将来を見通して悟ったようになり、無駄な努力や衝突を避け過度に期待したり夢を持ったりせず、浪費をしないで合理的に行動するようになった、と見られている。

  • バブルが崩壊し =OO(N) +  + 崩壊する(ほうかいする)=ฟองสบู่แตก
    *崩壊する 
    การพังทลาย,การล่มสลาย,ถล่มลงมา
  • インターネットに触れて =OO(N) +  + 触れる =สัมผัสกับOO(N)
  • 成熟した時代 =成熟した(せいじゅく)+OO(N)=V ขยาย N = ยุคที่เจริญเติบโตเต็มที่
    *成熟する =
    ความสุกงอม,การเจริญเติมโตเต็มที่,(การรอจน)ถึงเวลาอันสมควร
  • 将来を見通し =OO(N) +  + 見通す(V) =คาดเดาอนาคต
    * 
    見通す =ทอดสายตามองไปไกล ๆ,ดูตั้งแต่ต้นจนจบ,คาดเดา(อนาคต),มองทะลุปรุโปร่ง
  • 無駄な努力や衝突を避け =OO(N) + を + 避ける =หลีกเลี่ยงOO(N)
  • 過度に期待したり =OO(N、ADV) + に + 期待する =คาดหวังกับOO(N、ADV)
  • 夢を持ったり =OO(N) + を + 持つ= มีOO(N)
    * 持つ = 
    1. มี(ในครอบครอง) 2.ถือ


 このような若者の生活スタイルや消費動向は、『欲しがらない若者たち』(山岡拓著、日本経済新聞出版社、2009)、『「嫌消費」世代の研究』(松田久一著、東洋経済新報社、2009)などで指摘されてきた。

  • 「OO] で指摘されて = OO (文、N) + で + 指摘する = ชี้ให้เห็นOO

( 原田英美    ライター )

Credit : http://kotobank.jp/word/%E3%81%95%E3%81%A8%E3%82%8A%E4%B8%96%E4%BB%A3
แปลไทย(สำหรับคนขี้เกียจอ่านญี่ปุ่นเนอะ ^^)

ยุคซาโตริเป็นคำนิยามของเหล่าวันรุ่นในปัจจุบันที่ไม่มีความต้องการและความมุ่งมั่นใดๆในชีวิต เกิดการใช้คำศัพท์นี้ขึ้นเป็นครั้งแรกในเว็บบอร์ด 2ちゃんねる(เว็บบอร์ดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเว็บหนึ่งในญี่ปุ่น) และได้มีการนำคำนี้ไปใช้ในวงกว้าง คำนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในช่วงครึ่งหลังทศวรรษที่ 1980 โดยส่วนมากหมายถึงผู้ที่ได้รับการศึกษาแบบซาโตริซึ่งอยู่ในช่วงปี 2002~2010 นั่นเอง

ลักษณะเด่นของวัยรุ่นกลุ่มนี้คือเป็นผู้ที่มีความคิดเช่นว่า ไม่สนใจอยากจะมีรถหรูๆ หรือของแบรนเนม” “ไม่อยากได้อะไรไปมากกว่านี้ พอใจในสิ่งที่มีแล้ว” “ไม่กระตือรือร้นอยากมีความรัก” “ไม่มีความสนใจเกี่ยวกับต่างชาติ ชอบอยู่บ้านในวันหยุด” “ประหยัดอดออม ไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยแต่หากเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับความชอบของตัวเองแล้วสามารถใช้เงินได้โดยไม่คิดมาก” “คบกับเพื่อนตามสถานการณ์ หากไม่ถูกใจคนไหนก็จะไม่นับเป็นเพื่อนเป็นต้น

เหตุผลที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้มีความคิดเช่นนี้ สันนิษฐานได้ว่าเกิดจากการที่พวกเขาเกิดในยุคที่ประเทศมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เด็กที่อยู่ในช่วงฟองสบู่แตกทำให้พบเจอแต่กับสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่จนกระทั่งกลายเป็นยุคที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก เช่น การใช้อินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา การที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาเช่นนี้ส่งผลให้พวกเขาเหล่านั้นได้มองเห็นความฝันในอนาคตอย่างรู้แจ้ง (さとり) และหลีกเลี่ยงการพยายามอย่างไร้ค่าจนกลายเป็นไม่ตั้งความหวังหรือสร้างความฝันใดๆ ไม่เรียนรู้ที่จะเสี่ยงพยายามอย่างสิ้นเปลืองและทำทุกอย่างอย่างสมเหตุสมผล


วัยรุ่นที่ใช้ชีวิตโดยไม่มีความอยากหรือประสงค์สิ่งใดอย่างที่กล่าวมาข้างต้นถูกเรียกด้วยชื่อที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น วัยรุ่นที่ไม่มีความอยากใดๆ” “ผู้ปฏิเสธการอุปโภคบริโภค


พอไหวมะ??? ทุกคนอ่านเข้าใจกันมั้ยคะ???

ใครหลงมาอ่านแล้วอยากให้แก้ไข ปรับปรุง เสริม เติม แต่ง บลาๆ ยังไงก็คอมเม้นต์กันได้ทั้งในบล็อกหรือต่อหน้าก็ได้น๊าา ^_____^

ขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาอ่านค่าา

แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการรร~~~

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

เรียนท่านอาจารย์~~ (タスク)

วันนี้เราจะมาเล่น Role Play กันนน

"สถานการณ์คือ ท่านอาจารย์ที่คุณปลื๊มปลื้มเปิดรับสมัครลูกศิษย์

คุณเองก็ใฝ่ฝันมานานว่าอยากจะเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านนี้

คุณจะต้องส่งอีเมลเข้าไปเพื่อสอบถามว่า “อาจารย์ ได้โปรดรับข้าน้อยเป็นศิษย์ได้หรือไม่” คุณจะเขียนอีเมลยังไงดี~?

เงื่อนไขคือ อาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์สอนฟลามิงโก้กีต้าร์(?)

เมื่อเข้าใจคำสั่งแล้วก็ลงมือเลยค่ะ!!!"

เมื่อได้รับคำสั่ง คำถามแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวคือ ฟลามิงโก้กีต้าร์นี่มันคืออะร๊ายยย 555

แต่เอาเถอะ มันไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องเขียน

การเขียนในครั้งแรกมีหน้าตาเยี่ยงนี้ค่ะ

山内修二様へ、

 ホームページを見て、「個人レッスンを引き受ける」と書かれてあることを拝見し、メールをさせていただきました。私はサウィニーと申しまして、昔から山内さんを憧れ、フラメンコギターをやりはじめましたのですが、将来フラメンコ舞踊の伴奏家になる夢を抱えながら、フラメンコギターをやっています。
 それで、山内さんにご指導をお願い申し上げたいのですが、どうか私にフラメンコギターを教えてくださいませんか。まだ5年ほどしかレッスンを受けず、未熟な私なのですが、どうかよろしくお願いします。大変失礼なことだと損じておりますが、お返事をお待ちしております。

                                                                                                                                               サウィニー


จุดแดงๆที่เห็นคือส่วนที่โดนคอมเม้นต์มาค่ะ

山内さんを憧れ
ก่อนอื่นก็นี่เลย ตอนเขียนคงจะมึนเองค่ะ ปกติแล้วมันต้องมี OOOのことを憧れる นี่น๊าา ลืมไปได้ไง //ตีหัวตัวเอง

受けず
ในส่วนนี้ ต้องใช้รูป ている เพื่อเป็นการบอกว่าตอนนี้ก็กำลังกระทำการนั้นๆอยู่นะ


เล็กๆน้อยๆ


 へ、อาจารย์บอกว่าการใส่ へ、มันทำให้ดูไม่สุภาพเท่าไหร่ ไม่เหมาะสมกับการส่งเมลให้คนไม่รู้จักกัน เพราะฉะนั้น ลบมันทิ้งไป

山内さん อันนี้จะว่าผิดก็ไม่ใช่ล่ะค่ะ แค่ในจดหมายนี้มีทั้ง 山内様 และ 山内さん เพราะฉะนั้น เลือกใช้มันสักอันให้เหมือนกันทั้งหมดจะดีกว่า (คอมเม้นต์จากเพื่อน)

นอกจากข้อผิดพลาดดังกล่าวแล้ว สิ่งที่ควรมีในอีเมลยังต้องมีจุดเล็กจุดน้อย เช่น ถามรายละเอียด นัดพบอาจารย์ บลาๆๆ อีก พอได้เรียนแล้วรู้เลยว่า แค่นี้มันไม่พอ!!! ตอนที่แก้เลยได้ปรับปรุง+เสริมเติมแต่งข้อมูลเข้าไปอีกจนกลายเป็นอย่างนี้

山内修二様

 突然のメールを差し上げる失礼をお許しください。ホームページを拝見させていただいて、「個人レッスンを引き受ける」と書かれてある<書いてある・書かれている>ことを拝見し、メールをさせていただきました。私はサウィニーと申します。昔から山内先生のことを尊敬し、憧れ、フラメンコギターをやり始めたのですが、将来フラメンコ舞台の伴奏家になる夢を抱えながら、フラメンコギターをやっております。

 それで、山内先生にご指導をお願い申し上げたいのですが、どうか私にフラメンコギターを教えていただけないでしょうか。まだ5年ほどしかレッスンを受けておらず、未熟な私なのですが、どうかよろしくお願いいたします。

 お手数ですが、レッスンを受けさせていただけるかどうか、お知らせいただけませんか。日時を指定していただければ、先生のところにご相談に伺います。


 お返事は急ぎませんが、どうぞよろしくお願いいたします。
                                                                                                                                                 サウィニー


สิ่งที่เพิ่มมาก็คือ 

1. 突然のメールを差し上げる失礼をお許しください。→ อันนี้สำคัญเลยยย ต้องใส่!!!เวลาอีเมลหาคนไม่รู้จักนะเคอะ จุ๊บๆ

2.ระวัง!!! การใช้ 自動詞・他動詞 ให้ดีนะ!!! →自動詞=ている 他動詞=てある。

3.อย่าลืมแนะนำตัว+บอกว่าเราอยู่ในระดับไหน

4.ถามค่าเรียน(月謝・レッスン代) เวลา สถานที่่ด้วย หรือว่าถ้าไม่อยากถามในอีเมล ขอนัดเวลาแล้วค่อยไปถามเลยจะดีกว่า

5.คำสุภาพ ยกย่อง ถ่อมตัว ใช้ให้ครบนะคะ!!!

6.สุดท้ายย お返事は急ぎませんが、どうぞよろしくお願いいたします。อย่าให้พลาดด อย่าไปเร่งรัดเอาคำตอบ มันไม่งาม ใจเย็นๆไว้ เกรงใจอาจารย์ท่านด้วยนะ จุ๊บๆ


ในที่สุดก็ได้จดหมายที่จะส่งแล้วว พอร่างเสร็จก็รีบกดส่งกันเลยดีกว่า~~~

ที่เหลือก็แค่รออาจารย์ตอบอย่างเดียว ^______________^

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

ニュースを読もう~!

วันนี้ได้อ่านข่าวมาา
ยูริจะมีละครเรื่องใหม่ เย้ๆๆๆๆ

ไหนๆก็ได้อ่านบทความญี่ปุ่นแล้ว จะติ่งอย่างเดียวก็ไม่ดี ต้องทำงานด้วยย เลยเอาบทความมาแปะพร้อมสังเกตการใช้ コロケーション ไปพร้อมกันเลยยย

オリコンより

Hey!Say!JUMP知念が時代劇初挑戦 弓矢の名手役

アイドルグループ・Hey!Say!JUMPの知念侑李が、来年公開の映画『超高速!参勤交代』で時代劇に初挑戦することが26日、わかった。弓の名手だが、高いところが苦手という湯長谷藩の鈴木吉之丞(よしのすけ)を演じる知念は「普段は情けない湯長谷藩ですが、戦う時はとてもかっこいいので、そのギャップにみんなやられるはずです」と意気込む。

時代劇に初挑戦する= ドラマ・劇 に (初)挑戦する。=เล่นหนัง เล่นละคร
鈴木吉之丞(よしのすけ)を演じる=役を演じる=เล่น (แสดง) เป็นตัวละคร~~

 同作は『のぼうの城』を輩出した城戸賞において最高得点で入賞を果たした脚本を映画化。徳川吉宗の治める江戸期に8日かかる参勤交代を幕府から5日以内に命じられた貧乏弱藩の磐城国(現在の福島県いわき市)湯長谷藩が、なんとか難題を果たそうと作戦を立てる、まさに日本版“ミッションインポッシブル”。
『のぼうの城』を輩出した=OOOを輩出した=การมีผลงานเด่นๆOOOออกมาติดๆกันหลายเืรื่อง
入賞を果たした=ได้รับรางวัล (果たす=บรรลุผลสำเร็จ)
脚本を映画化=การทำบทละครเป็นหนัง
作戦を立てる=การวางแผน

 お人好しだが愛される殿様・内藤政醇(まさあつ)役の佐々木蔵之介や、口汚い飯盛り女だが、実は乙女のお咲を演じる深田恭子など、豪華俳優に囲まれた知念は「すごく緊張しましたが、共演者の皆さんがとても優しくて面白い方々ばかりだったのでリラックスして演じる事ができました」と充実ぶりを振り返る

豪華俳優に囲まれた=OOOに囲まれる=รอบล้อมไปด้วย
充実ぶりを振り返る=OOO振り返る=ย้อนกลับไปมอง

 弓の練習のために何度か京都に通ったという知念に対し、本作のメガホンをとる本木克英監督は「弓を引く姿が凛々しく、殺陣のキレもよく、時代劇は初めてと聞いていましたが、所作も完璧で、中剃りが良く似合っていました」と絶賛している。

京都に通った=OOOに通う=OOOに行ったり来たり=เดินทางไปมา

すでに撮影は10月にクランクアップ。知念は「スムーズに矢をつがまえるのが難しくすごく不安でした。けど撮影ではうまくいったので、ぜひ弓のシーンに注目してほしいです」と胸を張り「この作品は時代劇なのにドタバタしていて、笑えるところがたくさんあり、子供から大人まで幅広く楽しめると思います」とアピールしている。

矢をつがまえる=OOOをつがまえる・つがむ=จับOOO
弓のシーンに注目してほしい=OOOに注目する=จับตามองOOO
胸を張り=胸を張る=ยืดอก (表現)

ยิ่งอ่านยิ่งอยากดูเร็วๆๆ >________<
หนังเรื่องนี้จะฉายปีหน้าค่ะ
หากใครสนใจหรือชอบดูหนังโบราณอะไรอย่างนี้อยู่แล้วอย่าพลาดน๊าาา~~~

では、また会いましょう~~

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

やっとテストが終わった&タスクをするぅぅぅ

ในที่สุดก็สอบเสร็จแล้วค่าาา
โฮฮฮ #กู่ร้องบอกโลก #กลางภาคมันจบแล้วว


วันนี้จะมาเคลียงานทุกสิ่งอย่างที่ค้างอยู่ค่าา
เอ๋ยังไม่ได้ลงตั้งแต่タスク1เลยเนอะ???
ขอรวมเอาไว้ทีเดียวทั้งหมดเลยละกัน >_______<


タスク1

  まず、チョンノンシー駅から乗車をし、ナショナルスタジアム駅方向の3つ目のサイアム駅で下車。ゲートウェーというデパートの方(6)の改札口を出る。
  ゲートウェーの前6番の出口の階段を下り、後ろを向ペパーランというお店があるが、ペパーランチを通って、リドーという映画館の前で大学のバスを待つ。リドーの特徴は前にDVD屋があること。そこで1番のピンクのバスに乗車する。注意するのは4番ではなく1番のバスに乗ること。
そのバスは大学の中を走るバスだ。大学に入り、2つ目のバス停で下車。バス停の特徴は向かい側にセブンがあること。バスを降りて、右側を見ると、白くて大きいビルが目に見える。そのビルがBRKビルだ。

หลังจากที่อ่านคอมเม้นต์ของเพื่อนๆแล้วรู้เลยค่ะว่าตัวเองยังอธิบายได้ไม่ชัดเจนพอ
มีบางจุดที่อธิบายไปโดยลืมว่าหากเป็นชาวต่างชาติที่ไม่เคยมาจริงๆจะไม่รู้ว่าสภาพเป็นยังไง
สิ่งสำคัญในการอธิบายคือการใช้ という เพราะเป็นสถานการณ์ที่ว่าคนที่อ่านไม่เคยมาจึงทำให้ต้องกำกับตลอดว่าสิ่งที่พูดถึงเป็นยังไง

ปล.ชอบไอเดียของเพื่อนที่เขียนภาษาไทยไว้ด้วยมากค่ะ คิดว่า่น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆเลยจริงๆค่ะ


     ポイント!!
  • 電車に乗車する/下車する
  • 階段を上がる/下りる
  • 自動詞・他動詞を気をつけること 




タスク2

    これはあるホテルのロビーで起こったことです。その日は二人の男の人がソファに座っていました。一人は新聞を読んでいましたが、もう一人はただ座って、ボーとしていました。その時、ある観光客のおじさんがロビーに入ってきました。そのおじさんは地図を手に持っていて、道を探しているようでした。その時、観光客のおじさんとボーとしている人の目線が合ってしまいました。すぐにその観光客のおじさんがボーとしていた人のところに歩いてきて、「やばい!」って思っていた男の人が隣の男の人に近づいていて、新聞の後ろに隠れました。たぶん、その人は英語がしゃべれないでしょう。

ส่วนสีชมพูคือส่วนที่คิดว่าเข้าใจยากแต่ไม่รู้ว่าควรจะแก้ยังไงให้เข้าใจง่ายขึ้นดี หรือว่าจริงๆแล้วเป็นเพราะมีส่วนขยายเยอะไปกันนะ???

แต่!!!! ส่วนที่คิดว่าแย่ที่สุดเลยคือส่วนสีแดงค่ะ เป็นประโยคที่ยาวมากกก แถมยังมีประธานไม่เหมือนกันอีก ถ้าตัดเป็นสองประโยคเลยน่าจะเข้าใจง่ายกว่าการเอามาต่อกัน พลาดไปซะแล้วว TT_____________TT 


タスク3

(え、どうしてここにいるの?)いや、実はね、今日日本に行くはずなんだけど、昨日空港に行くとき、渋滞してて、飛行機に間に合わなかった→乗り遅れてしまったの。(え~で、どうすんの?それは3万バーツもするんじゃないの。)そう、3万バーツしたんだけど、もう飛行機が行っちゃったん→出発しちゃったんだから、しょうがなく家に帰ったの。(うん)それで、朝ニュースを見てたらね。あの飛行機が落ちたって→墜落したんだって。で(よかったね。乗らなくて)良かったっていうか、日本に行きたかったのに行けないのか残念だったかな。(は!?お化けのままでいいの→もし乗ってたら死んでたかもしれないよ!、それでも)いや・・・私が乗ってたら、落ちない→墜落しなかったかもしれないじゃん。

ควรระวังการใช้ Tense ให้มากกว่านี้อีกมากๆๆๆเลยค่ะ
ผิดเต็มเลยยย

ポイント!!
  • 飛行機に間に合わなかった→乗り遅れる
  • 飛行機が出る→出発する
  • 飛行機が落ちる→墜落する


タスク4

 ねえねえ、聞いて。昨日ね、彼氏に会ってきたんだけど、えっと、その時昔の写真を彼に見られちゃったの。(え~)あなたたちも知ってるでしょ?昔の私の顔ってブサイクなんでしょ?で、絶対嫌われるって思ってたんだけど、彼が大丈夫だって言ってくれたの。(いいね。やさしいね、彼。)と、最初私も思ったんだけど、実は彼の頭が・・・はけつるつるしてて、私のような秘密を持ってたの!!(え!?

สารภาพเลยว่าเป็นタスクที่ไม่รู้จะแก้ยังไงดี
รู้อยู่แก่ใจเลยว่ามันไม่สนุก T^T แต่เล่ายังไงมันก็ไม่สนุกอ่าาา
เล่าเป็นภาษาไทยยังไ่ม่มีไอเดียเลยค่าา แงๆๆๆๆ
ยากจังเลยยยย~~~



เย้ๆๆๆ ในที่สุดก็ครบแล้ววว
เดี๋ยวลืมเอามาลงอีก ขอลงไว้อันเดียวกันนี่ล่ะ 5555555
ขอโทษค่าาา >___________<


ではでは、よいお年を~!


PS.サイトから保存したイラストなんですが、かわいかったから、載せさせてください~ ><


วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เมื่อความ"ติ่ง"ครอบงำก่อนสอบ

ห่างหายกันไปนานจริงจัง~~

วันนี้ไม่ได้แวะมาแก้ タスクใดๆ เพียงแค่มาอัพเดทประสบการณ์ใช้ภาษาญี่ปุ่นค่าา

วันนี้ได้ทำผลงานออกมาเป็นชิ้นเป็นอันน >______<
ได้กลับมาแปลแมกฯหลังจากไม่ได้แปลมาเกือบ 3 ปีแล้วว
เลยคิดว่าจะมาขอแปะลงในนี้ด้วยเพื่อเก็บไว้~~

ระหว่างที่แปลไปก็ไม่ได้ทันสังเกตว่ามีจุดไหนที่ตรงกับหัวข้อที่เป็นเป้าหมายของเทอมนี้
แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีจุดไหนที่สงสัยเป็นพิเศษค่ะ (มีแค่บางตัวที่ไม่รู้คำแปลแล้วต้องหา)

เดี๋ยวพรุ่งนี้มะรืนนี้จะแปลอีกครึ่งแล้วเอามาลง
คราวนี้จะพยายามสังเกตการใช้ภาษาให้มากกว่าเดิมค่ะ >____<

 

ความฝันในอนาคตคือ “การเข้าจอนนี่”
Q: ตอนเด็กๆเป็นเด็กแบบไหน
Y: เป็นเด็กที่ไม่ขี้อายเวลาอยู่ต่อหน้าคนแปลกหน้าเลยครับ
Q: จริงเหรอครับ
Y: ตอนที่ผมเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่เปิดโรงเรียนสอนยิมนาสติก พี่สาวที่โตกว่าผม 2 ปีเรียนอยู่ที่นั่นด้วย ตอนนั้นผมยังเล็กอยู่เลยยังไม่สามารถอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวได้ ผมจึงมักจะรอทุกคนจนกว่าจะจบคลาสอยู่ที่โรงเรียนเสมอ ระหว่างที่รอผมก็ใช้เวลาไปกับการพูดคุยกับผู้ปกครองทั้งหลาย แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นเด็กขี้อายหรอกเนอะ?
Q: ตอนนั้นไม่คิดว่าอยากเรียนยิมนาสติกบ้างเหรอ?
Y: ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมไม่คิดอยากเรียนเลยครับ แถมผมยังได้มีโอกาสเรียนเต้นตั้งแต่ 3 ขวบด้วยเลยทำให้ผมหลงใหลในการเต้นมากกว่า
Q: เหตุผลที่ทำให้เริ่มเรียนเต้นคือ
Y: ผมเองก็จำไม่ค่อยได้หรอก คิดว่าน่าจะเป็นเพราะคุณแม่พาไปเรียนครับ ตอนแรกๆที่ยังจับจังหวะไม่ค่อยได้ก็เต้นไม่ตรงกับคนอื่นตลอดเลย จำได้ว่าเคยคิดว่า “มันยากจังนะ” ด้วย
Q: แต่ก็ยังเรียนเต้นต่อสินะ
Y: คิดว่าน่าจะเป็นเพราะผมมีความคิดว่าการค่อยๆเรียนรู้สิ่งที่ทำไม่ได้จนกลายเป็นทำได้ในสักวันหนึ่งมันเป็นเรื่องน่าสนุกล่ะมั้ง หลังจากเริ่มเรียนมาได้ 2 ปีผมก็ขอคุณพ่อคุณแม่เองว่าอยากเรียนเต้นอีก
Q: เริ่มสนใจจอนนี่ตั้งแต่กี่ขวบ?
Y: กี่ขวบล่ะเนี่ย!? ตอนแรกเป็นเพราะคุณแม่และพี่สาวชอบซากุระอิ(โช)คุงเลยส่งผลให้ผมมีความคิดนี้ล่ะมั้ง ตัวผมเอง ตั้งแต่ช่วงอนุบาลก็เริ่มชอบและมีความฝันที่จะเข้าจอนนี่แล้วล่ะ พอดีกับที่อาราชิเดบิวต์ อาราชิดูเท่มากจริงๆ ตอนนั้นผมเลยเอาแต่ร้องเพลงของอาราชิตลอดเลย
Q: ความรักที่จิเนนคุงมีให้กับโอโนะ(ซาโตชิ)คุงเนี่ยเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันหมดเลยสินะ
Y: ตอนป.1ไม่ก็ป.2 ผมได้มีโอกาสไปไลฟ์ของอาราชิมา ก่อนที่จะได้ไปเห็นโอโนะคุงตัวจริง พูดไปก็เสียมารยาทล่ะนะ แต่ว่าอิมเมจในทีวีโอโนะคุงดูเฉื่อยๆมากเลยล่ะ แต่พอได้ไปเห็นตัวจริงในไลฟ์ ได้เห็นตอนที่โอโนะคุงเต้นทำให้ผมรู้ว่าไม่เหมือนกับในทีวีเลยสักนิด เป็นการเต้นที่เป๊ะและเท่มากๆจนทำให้ผมคิดว่า “อยากยืนอยู่บนเวทีและทำให้คนดูแปลกใจอย่างนั้นบ้าง” เลยล่ะ
Q: แปลว่าออดิชั่นเข้าจอนนี่ด้วยความตั้งใจของตัวเองสินะ
Y: ครับ ถ้าจำไม่ผิด ผมส่งประวัติส่วนตัวเข้าไปที่จอนนี้ตอนปลายๆป.3 ตอนนั้นคุณแม่เองก็สนับสนุนให้ส่งไปเต็มที่เลย
Q: ตอนที่มีการติดต่อกลับว่าผ่านรอบแรกรู้สึกยังไงบ้าง?
Y: ตอนนั้นเป็นตอนขึ้นป.4ใหม่ๆครับ ผลการคัดเลือกถูกส่งมาก่อนออดิชั่นไม่กี่วัน ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากๆจนคิดว่า “ในที่สุดก็มา!” เลยล่ะ
Q: ออดิชั่นเป็นยังไงบ้าง?
Y: ตอนนั้นผมยังอยู่ที่ชิซึโอกะอยู่เลยนั่งชินคันไซไปที่โตเกียวกับคุณแม่ครับ ตอนนั้นตื่นเต้นมากๆเลยล่ะเพราะคิดว่าอีกไม่นานจะมีคณะกรรมการมาตัดสินการเต้นของผม ตอนนั้นไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน คิดแค่ว่าผมเรียนเต้นมาตั้งแต่ 3 ขวบเลยไม่อยากจะแพ้ใครในการออดิชั่นน่ะครับ
Q: หลังจากที่ออดิชั่นเข้า Johnny ก็ออดิชั่นหนังเรื่อง Ninja Hatttori-kun เลยสินะ?
Y: พอดีว่าตอนนั้นจอนนี่ซังมาถามผมว่า “ลองไปออดิชั่นดูมั้ย? ลองไปถามคุณแม่สิว่าอนุญาตมั้ย” สำหรับตัวผมแล้ว เหตุผลที่ทำให้ผมอยากเข้าจอนนี่ก็เพราะอยากเต้นเท่านั้น ไม่มีทางจะไปเล่นหนังอะไรอย่างนั้นได้หรอกเลยไปตื้อคุณแม่ว่า “กลับบ้านกันเถอะ ง่วงแล้วนะ กลับกันเถอะ” แต่พอคุณแม่บอกว่า “ถ้ายอมไปออดิชั่นจะซื้อเกมให้” เท่านั้นล่ะ ผมก็ตอบไปว่า “อื้อ งั้นตกลง” (หัวเราะ)
Q: ฮ่าๆๆๆๆๆ
Y: แถมไปออดิชั่นแล้วดันติดด้วย รู้สึกอย่างกับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแน่ะ (หัวเราะ) น่าแปลกจังเลยนะครับ ถ้าผมไม่ได้ไปออดิชั่นหนังในตอนนั้น ผมอาจจะไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ในตอนนี้ก็ได้นะ
Q: การถ่ายทำเป็นยังไงบ้างครับ?
Y: ถ้าจำไม่ผิด ระยะเวลา 1 เดือนครึ่งนั้นต้องพักอยู่ที่โรงแรมในโตเกียวตลอดเลย ตอนที่ให้สัมภาษณ์ใน Making ก็ตอบไปว่า “สนุกมากเลยครับ ไม่เหงาเลยสักนิด” ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรก็จริง แต่ตอนนั้นผมเหงามากๆเลยล่ะ ถึงกับล้มป่วยไปเลยล่ะ ตอนนั้นเองที่คุณแม่เดินทางมาหาทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นเยอะเลยครับ





ยาบุคุงที่นั่งอยู่ข้างๆได้เอามือมาตบที่หัวเข่าเบาๆ

Q: หลังจากนั้น งานของ Jr. ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละนิดสินะ?
Y: ตอนนั้นผมก็ยังอยู่ที่ชิซึโอกะทำให้งานที่เข้ามาก็มีแค่เรียกตัวมาสัมภาษณ์ลงนิตยสารนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเองครับ เพราะฉะนั้นช่วงแรกๆผมเลยไม่ค่อยมีงานแบบพวกการไปเป็นเด็กแบ็คให้พวกรุ่นพี่เหมือนที่คนอื่นๆทำกันเท่าไหร่
Q: งั้นเหรอครับ
Y: แถมพอโดนเรียกไปสัมภาษณ์แต่ละครั้งนั้นทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลยล่ะ ช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีเพื่อนด้วย ผมเลยได้แต่นั่งเงียบๆอยู่ที่เก้าอี้จนช่างกล้องเรียกชื่อนั่นล่ะ ตอนที่โดนเรียกก็รีบยืนขึ้น แต่พอถ่ายเสร็จก็รีบนั่งลงอะไรประมาณนี้ ทั้งๆที่คนอื่นก็สนิทสนมกันจนนั่งคุยนั่งเล่นเกมรอเวลากันทั้งนั้น
Q: อยากให้มีใครสักคนเข้ามาทักสินะ
Y: ตรงกันข้ามเลยต่างหาก ถ้ามีใครเข้ามาทักผมก็ตื่นเต้นอีกอยู่ดีล่ะ (หัวเราะ) ผมยังจำได้เลย ตอนนั้นบังเอิญได้ร่วมลงสัมภาษณ์พร้อมกับยาบุคุง ถึงจะไม่ได้คุยอะไรกันเลยก็เถอะ แต่ก็เอายาบุคุงที่นั่งอยู่ข้างๆได้เอามือมาตบที่หัวเข่าของผมเบาๆ ผมเลยเอามือตบเข่ายาบุคุงเบาๆกลับเหมือนกัน เพราะยาบุคุงช่วยเอาไว้เลยทำให้ผมเริ่มเข้ากับบรรยากาศรอบๆได้
Q: หลังจากที่เป็น Jr แล้วได้เจอกับโอโนะคุงที่ปลาบปลื้มมั้ย?
Y: ตอนที่โดนเรียกไปถ่ายนิตยสารที่โตเกียว บังเอิญได้ไปถ่ายที่สตูดิโอเดียวกับมัตสึโมโตะ(จุน)คุง พอผมเข้าไปทักทายและบอกไปว่า “ผมชอบอาราชิ” มัตสึโมโตะคุงก็ถามกลับมาว่า “ชอบเพลงอะไร?” พอผมตอบไปว่าชอบเพลง “Tomadoinagara” มัตสึโมโตะคุงก็ตอบกลับมาว่า “เรียบง่ายจริงๆเลยนะ (หรือแปลได้ว่าชอบอะไรแบบคนแก่นะค่ะ)” พอผมบอกไปว่า “ผมจะไปดูคอนเสิร์ตที่นาโกย่านะครับ” มัตสึโมโตะคุงก็ชวนว่า “ไว้มาเที่ยวเล่นในห้องพักสิ”
Q: ได้เจอโอโนะคุงครั้งแรกในห้องนั่นสินะ
Y: ครับ ตอนนั้นทุกคนกำลังแต่งหน้าแต่งตัวกันอยู่เลย ตอนที่ผมกำลังคิดว่า “อ๊ะ โอโนะคุงตัวจริง!” ซากุราอิคุงก็เดินมาหาผมแล้วก็มาเล่นมาดึงแก้มผมทำให้ผมดีใจมากเกินจนจำไม่ได้ว่าได้คุยอะไรกับโอโนะคุงไป (หัวเราะ)
Q: ฮ่าๆๆๆ
Y: หลังจากนั้นก็ได้เข้าไปในห้องพักของพวก Jr ตอนนั้นเองที่จู่ๆก็โดนถามว่า “รู้มั้ยว่านั่นใคร?” แต่ผมก็ไม่รู้จริงๆว่านั่นเป็นใครจนคุณแม่มากระซิบข้างๆหูว่า “คิตะยามะ (ฮิโระมิสึ) คุง” พอมาคิดย้อนไปแล้วยังคิดอยู่เลยว่า “นั่นคือคิตายามะคุงจริงๆด้วยสินะ” แล้วก็มีฟุจิกายะคุงอยู่ด้วยครับ
Q: ตอนนั้นคิดยังไงกับการเดบิวต์?
Y: ภาพของผู้ชมที่เห็นตอนที่ยืนอยู่ระหว่างทางเดินไปยังเวทีในไลฟ์นั้นเป็นภาพที่ผมไม่ลืมเลยครับ ภาพนั้นทำให้ผมคิดว่า“สักวันอยากจะเดบิวต์แล้วเดินไปยังอีกฝั่งของทางเดินนี้” แต่ถ้าพูดถึงความต้องการสูงสุดในตอนนั้นคือ “การที่ปัจจุบันได้สนุกสนานกับการเต้นที่ชอบ คอยเต้นเป็นแบ็คให้กับพวกรุ่นพี่ และสักวันอยากจะเป็นแบ็คให้อาราชิบ้าง” ล่ะครับ

เด็กคนนั้นเก่งจังเลยนะ อยากเต้นด้วยกันจังเลย

Q: คิดยังไงกับการที่บริษัทไม่ค่อยเรียกตัวมาทำงานในฐานะ Jr เพียงเพราะตัวเองอยู่ที่ชิซึโอกะ?
Y: ตอนนั้นผมได้ดูพวก Jr ผ่านทางโทรทัศน์บ่อยมากๆเลย ตอนนั้นยูโตะคุงกับเรียวสุเกะได้รับแรงผลักดันจนได้เต้นอยู่ในตำแหน่งเด่นๆ ช่วงนั้นผมก็ดูไปแล้วก็คิดในใจไปว่า “ได้เต้นด้วย ดีจังเลยนะ” ยิ่งโดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นเรียวสุเกะในโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า เด็กคนนั้นเก่งจังเลยนะ อยากเต้นด้วยกันจังเลย
Q: ย้ายมาอยู่ที่โตเกียวตั้งแต่ตอน ม.1 สินะ?
Y: พอคุณพ่อย้ายเข้ามาทำงานในโตเกียว ครอบครัวทุกคนก็เลยย้ายมาที่นี่หมดเลยครับ ตัวผมเองก็คิดมาตลอดว่า “อยากไปโตเกียวจังเลย ถ้าไปโตเกียวน่าจะได้ทำงานในฐานะ Jr. ได้มากกว่านี้” เลยคิดว่าน่าจะเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่สุดที่ได้ย้ายเลยล่ะ ช่างเป็นเวลาพอเหมาะจริงๆ (หัวเราะ)
Q: แล้วงานในฐานะ Jr. เพิ่มขึ้นมั้ย?
Y: ครับ เพิ่มขึ้นตั้งแต่มาถึงเลย ตอนนั้นมีคอนเสิร์ตของ Jr. ที่บุโดคังพอดี ผมก็ถูกเรียกไปซ้อมสำหรับคอนเสิร์ตนั้นด้วย 2วันถัดไปผมก็ถูกเรียกให้ไปซ้อมในห้องซ้อมของพวก Jr. ที่เป็นตัวหลักๆแทน คนที่อยู่ที่นั่นก็มีเรียวสุเกะ ยูโตะคุง อิโนะจัง ไดกิ ผมรู้สึกดีใจมากๆเลยล่ะเพราะทุกคนเป็นคนที่ผมเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์มาตลอด ตอนนั้นผมดีใจมากเลยจริงๆนะ
Q: จู่ๆความฝันที่อยากจะเต้นกับยามาดะคุงก็เป็นจริงเลยสินะ
Y: ครับ เรียวสุเกะน่ะ ตอนนั้นทุกคนยังเรียกว่ายามะจังอยู่เลย ตัวผมที่อยากตีสนิทด้วยเลยเรียกไปว่า “คาบะจัง(ฮิปโป)” เรียวสุเกะก็ตอบกลับมาว่า “เดี๋ยวโกรธนะ” แต่ว่าผมก็ยังคงแกล้งเรียกว่า “คาบะจัง” อยู่ดี(หัวเราะ)
Q: แต่ก็ไม่ได้มีแต่เรื่องดีใจใช่มั้ยล่ะ ประสบการณ์โหดๆก็เจอมาเหมือนกันสินะ?
Y: อืม ไม่รู้สิครับ มีแค่เรื่องที่ผมต้องจำท่าเต้นที่ทุกคนเต้นอยู่จาก 0 เท่านั้นเอง
Q: ถึงจะเรียนเต้นมาตั้งแต่ 3 ขวบแต่ก็ยังยากอยู่ดีใช่มั้ย?
Y: ก่อนหน้านั้นผมเรียนเต้นอาทิตย์ละ 5 ครั้งเลยคิดไปว่าคงไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าจำนวนท่าเต้นที่ต้องจำและความเร็วในการเรียนรู้นั้นไม่เหมือนกันเลยสักนิด ใน 3-4 ชั่วโมง เด็ก Jr. ต้องจำท่าเต้นทั้งหมดให้ได้สักเพลงสองเพลง ตอนแรกๆที่ต้องเรียนรู้ด้วยความเร็วขนาดนั้นทำให้ผมจำอะไรไม่ได้สักอย่าง ตอนนั้นผมเจ็บใจมากเลย ทั้งๆที่ผมเรียนเต้นมาตลอดแต่กลับเต้นไม่ได้เลยสักนิด
Q: แล้วแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ยังไง?
Y: ช่วงที่มีเวลาว่างตอนซ้อมก็ให้เรียวสุเกะกับยูโตะคุงช่วยสอนท่าเต้นให้ แต่ละเพลง ท่าเต้นของแต่ละคนก็จะต่างกันออกไป ผมเลยต้องไปถามคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย
Q: ลำบากแย่เลย
Y: แต่ผมไม่คิดว่าเป็นเรื่องลำบากนะ ผมชอบการเต้นแล้วก็ดีใจที่ “ได้ยืนบนเวทีนี้” มากกว่าได้ยืนบนเวทีที่ส่องประกายนั่นเชียวนะ
Q: เวทีแรกที่ได้เล่นคอนเสิร์ตที่บุโดคังรู้สึกยังไงบ้าง?
Y: ตอนนั้นผมได้เต้นท่าแนวบัลเลต์ต่อหน้าพวกเรียวสุเกะในห้องพักแล้วครูสอนเต้นบังเอิญมาเห็นพอดีเลยมีความเห็นว่า “เยี่ยมไปเลย ลองเต้นในเพลงเปิดดูสิ” จู่ๆก็ได้โอกาสเต้นโซโล่เลยล่ะครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
Q: จู่ๆก็ได้รับเลือกเลยสินะ
Y: ตอนเพลงเปิดผมเลยได้ขึ้นไปเต้นเดี่ยวบนเวที รู้สึกได้เลยว่าทั้งผู้ชมทั้ง Jr. คงมีความคิดว่า “ไอ้เด็กนี่ใครน่ะ?” แน่เลย ถึงอย่างนั้น การที่ผมได้มีโอกาสไปยืนบนเวทีที่หลงใหลมาตลอดทำให้ผมรู้สึกดีมากจริงๆนะ

พอได้เห็นเมมเบอร์ทุกคนที่มารวมตัวกันก็ทำคิดได้

Q: ปี 2007 ได้เลือกให้เป็นเมมเบอร์ใน Hey!Say!JUMP สินะ
Y: ตอนที่ได้ไปเป็นแบ็คให้ KATTUN จู่ๆพวกเรา 5 คนก็ถูกจอนนี่ซังเรียกตัวไปแล้วจอนนี่ซังก็เขียนคำว่า Hey!Say!7 ลงในไวท์บอร์ดพร้อมพูดว่า “พวกยู จากนี้ไปคือHey!Say!7” ผมดีใจมากๆเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ฟอร์มทีมเลยล่ะครับ
Q: หลังจากนั้นครึ่งปีก็ได้เดบิวต์ในฐานะ Hey!Say!JUMP สินะ
Y: ครับ ตอนแรกก็ถูกเรียกตัวให้ไปถ่ายนิตยสารเหมือนปกตินั่นล่ะ พอไปถึงที่นัดหมายก็มีเมมเบอร์ทุกคนใน Hey!Say!7อยู่ด้วย แถมยังมียาบุคุง ฮิคารุคุง แล้วก็อิโนะจังอยู่ด้วย ตอนแรกก็คิดว่ามันแปลกๆนะ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า อ๊ะ ใกล้การแข่งวอลเล่ย์แล้วนี่ พอดีว่าตอนนั้นมีข่าวในหมู่เด็ก Jr. เหมือนกันว่า “ใครจะได้เดบิวต์กันนะ?” ช่วงนั้นก็จะมี YaYaYah,A.B.C., Kis my ft2, JJ Express แล้วถึงจะเป็น Hey!Say!7 เป็นวงปิดท้ายเลยทำให้พวกผมคิดว่าวงที่จะเดบิวต์คงเป็นวงไหนสักวงใน 4 วงนั้นนั่นล่ะ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นพวกผมเอง ก็ช่วงนั้นยังเป็นช่วงที่ผมย้ายมาโตเกียวและทำงานในฐานะ Jr. ไม่ถึงปีเลยนะ แต่พอได้เห็นเมมเบอร์ที่มารวมตัวกันทำให้ผมคิดได้ว่า “โอกาสมาแล้วสินะ!” ไม่แน่ว่าอาจจะได้เดบิวต์ก็ได้
Q: ลางสังหรณ์ถูกต้องสินะ
Y: เหมือนว่าก่อนหน้านั้นจะมีเมมเบอร์หลายคนเหมือนกันที่ได้ฟังคำอธิบายจากจอนนี่ซังแล้ว แต่ผมเป็นหนึ่งในพวกที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรทั้งนั้นเลยได้แต่ตื่นเต้นไปเรื่อยๆ (หัวเราะ)
Q: ได้เดบิวต์แบบไม่ตั้งตัวอย่างนี้ ไม่รู้สึกสับสนบ้างเหรอ?
Y: ไม่มีเวลาให้สับสนหรอกครับ ตอนเดบิวต์พวกผมได้เล่นคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดม สิ่งที่รู้สึกในตอนนั้นคือ “ทำไมถึงได้เล่นคอนในฮอล์ที่ใหญ่ขนาดนี้” แถมยังตื่นเต้นมากๆเสียจนจำอะไรแทบไม่ได้เลยล่ะ ราวกับว่าโดนดึงดูดให้เต้นไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง แค่ร้องเพลงก็เต็มที่แล้วจริงๆ
Q: ความฝันที่มุ่งหวังมาตลอดเป็นจริงอย่างรวดเร็วสินะ
Y: ครับ เพราะงั้น สิ่งเดียวที่ผมยังรู้สึกเสียดายอยู่ก็คือการที่ไม่ได้เป็นแบ็คให้กับอาราชิเท่านั้นเอง นี่ผมฝันเกินตัวจริงๆเลยนะ
Q: อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ได้นะ
Y: ถึงอย่างนั้นผมก็ยังตัดใจไม่ลง แม้ว่าจะเดบิวต์แล้วผมก็ยังคอยบอกกับโอโนะคุงว่า “ผมอยากเป็นแบ็คให้โอโนะคุงครับ!” แต่โอโนะคุงก็ตอบกลับมาว่า “ไม่ได้หรอก จิเนนคุงเดบิวต์ไปแล้วนะ” ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคาดหวังว่าสักวันหนึ่งอยากจะทำอะไรสักอย่างด้วยกันอยู่ดี อย่างทะงุจิ(จุนโนะสุเกะ)คุงกับฮิกาชิยามะ(โนริยูกิ)ซังยังเล่นละครเวทีด้วยกันเลย ผมเองก็อยากทำอะไรอย่างนั้นกับโอโนะคุงสองคนเหมือนกันนะ


การใช้ชีวิตม.ปลายให้มีความหมายนั้นขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งหมดนั่นล่ะ
Q: มีความรู้สึกอื่นๆที่เกี่ยวกับการเดบิวต์อีกมั้ย?
Y: อืม ไม่รู้สินะ อะไรงั้นเหรอ อืม ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองมั้ยนะ แต่รู้สึกว่าสายตาของ Jr. ที่มองพวกผมมันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ ทุกคนก็น่าจะคิดเหมือนกันล่ะมั้ง ก็พวกผมดันเดบิวต์ตัดหน้าพวกรุ่นพี่ทั้ง A.B.C.,Kiss my ft2อย่างนี้นี่นา ผมจะรู้สึกผิดอยู่เสมอเลยล่ะเวลาที่พวกรุ่นพี่มาเต้นเป็นแบ็คอยู่ด้านหลัง
Q: มีรุ่นพี่ที่สนิทสนมด้วยมั้ย?
Y: สึกะ(สึกาดะ เรียวอิจิ)จัง สึกะจังไม่ได้ช่วยเหลือแค่เรื่องอโคแบทอย่างเดียว แต่ยังช่วยดูแลผมเสมอมาด้วย พวกผมมักจะกลับบ้านด้วยกันบ่อยๆ แถมบางครั้งก็เลี้ยงข้าวผมอีกด้วย ถึงแม้ผมจะเดบิวต์ก่อนแต่ก็ยังปฏิบัติกับผมเหมือนเดิม ผมรู้สึกดีใจมากเลยจริงๆนะ
Q: หลังจากเดบิวต์ช่วง ม.2 แล้วก็ยังได้เรียนต่อม.ปลายที่โฮริโคชิกับยามาดะคุงและนากาจิมะคุงด้วยสินะ
Y: ถ้าจะให้พูดจริงๆแล้ว ผมไม่ได้อยากเรียนต่อม.ปลายสักเท่าไหร่หรอกนะ (หัวเราะ) เพราะผมคิดว่าไหนๆก็เดบิวต์แล้ว อยากทุ่มให้กับสายงานนี้อย่างเต็มที่ทำให้ผมคิดหนักอยู่นานจนเกือบถึงวันปิดรับสมัครนี่ล่ะถึงได้ยืนใบขอเข้าเรียนไป
Q: ทำไมถึงคิดจะเรียนต่อม.ปลายล่ะ?
Y: หนึ่งในเหตุผลหลักเลยก็เพราะว่าถูกคนที่บริษัทว่าว่า “ให้คิดถึงแฟนคลับบ้าง” พอลองคิดถึงพวกแฟนๆที่อายุเท่ากันหรืออายุน้อยกว่าผมแล้วก็เลยเลือกที่จะเรียนต่อ อย่างตัวผมเองได้ตัดสินใจเลือกแล้วว่าจะเดินไปตามสายงานนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเรียนหรือไม่เรียนม.ปลายก็ไม่มีความหมายใดๆ แต่ผมไม่ได้บอกว่าการไปเรียนม.ปลายไม่มีความหมายนะ ถ้าเกิดมีแฟนๆที่มีความคิดว่า “ในเมื่อจิเนนคุงยังไม่ไปเรียนเลย ฉันก็จะไม่ไปเรียนเหมือนกัน” มันไม่คุ้มกันเลยสักนิด การใช้ชีวิตม.ปลายให้มีหรือไม่มีความหมายนั้นขึ้นอยู่กับตัวเองทั้งหมดนั่นล่ะ ดังนั้นผมเลยตัดสินใจว่าจะลองพยายามทั้งการเรียนและการทำงานดู
Q: อย่างนี้นี่เอง แล้วในความเป้นจริงแล้ว ชีวิตม.ปลายเป็นยังไงบ้าง
Y: สนุกมากๆเลยครับ คิดถูกแล้วจริงๆที่เรียนต่อ (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าจะมีช่วงที่เรียวสุเกะอยู่คนละห้องบ้างก็เถอะ แต่กับยูโตะคุงแล้ว ผมกับยูโตะคุงได้อยู่ห้องเดียวกันตลอดเลยล่ะ
Q: ไหนยกตัวอย่างให้ฟังหน่อย
Y: ผมได้อยู่กับยูโตะคุงมาตลอดเลย จะให้ผมมาพูดอย่างนี้มันก็กระไรอยู่ แต่พวกผม 2 คนเนี่ยจริงจังกันสุดๆเลยล่ะ อย่างในวิชาพละ พอได้เริ่มเรียนวอลเล่ย์บอลก็จะมีอารมณ์ร่วมเต็มที่แบบ “มาแล้วๆ ถ้าพูดถึงวอลเล่ย์บอลก็ต้องนึกถึงพวกเรา” (หัวเราะ) ถ้าเกิดเพื่อนในห้องแอบโกงนิดๆหน่อยๆก็จะว่าทันทีว่า “นั่นมันผิดกฎนะ รักษากติกาด้วย” ตลอดเลยล่ะ
Q: ฮ่ะๆๆๆ
Y: พอพูดถึงยูโตะคุง ตอนม.4ที่มีกิจกรรมค้างคืนที่โรงเรียนประมาณ 3 คืน ตอนนั้นจะต้องมีนักเรียนชายหญิงอย่างละคนที่ได้รับเลือก ยูโตะคุงก็ได้รับเลือกจากอาจารย์ด้วย และเพราะยูโตะคุงเป็นคนที่จริงจังกับงานสุดๆ ตอนนั้นเลยพยายามจนไม่สบายไปเลยล่ะ แต่ถึงยังไงก็รู้สึกดีใจจริงๆที่ได้เรียนม.ปลาย ตอนนี้พอได้พูดคุยกับยูโตะคุงก็จะคิถึงเรื่องราวนชีวิตม.ปลายตลอดเลยล่ะ
Q: หลังจากกรุ๊ป NYC boys ก็ได้ทำงานในฐานะเมมเบอร์ของ NYC ด้วยสินะ
Y: ผมรู้สึกดีใจมากๆเลยล่ะ เพราะว่าการที่ได้รับเลือกให้เป็นเมมเบอร์ถึง 2 วงในเวลาเดียวกันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ แถม NYC ยังเป็นวงที่มีแค่ 3 คน เวลาต้องไปออกรายการต่างๆเลยต้องพูดให้เยอะขึ้นทำให้ผมตื่นเต้นมากเลยล่ะ (หัวเราะ) ดีจริงๆที่มีเรียวสุเกะอยู่ด้วย แถมส่วนใหญ่ยังต้องไปทำงานในฐานะ JUMP จนทำให้รู้สึกผิดกับยูมะเหมือนกันแต่ก็รู้สึกว่ายูมะน่ะเข้มแข็งจริงๆเลยล่ะนะ